“Spirit of Munro Scout” การคืนชีพอีกครั้งของ Indian Motorcycle ที่เร็วที่สุดในโลกโดยหลานชายของ Burt Munro
2017 Scout Sixty Two-Tone สปอร์ตครุยเซอร์ชุดสีใหม่แบบทูโทนที่ Indian Motorcycle จะส่งลุยตลาดโซนยุโรx ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ในเดือนเมษายนนี้
POLARIS ประกาศเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าภายใต้ตรา INDIAN MOTORCYCLE
บริษัท Hendee Manufacturing เริ่มต้นออกแบบมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) คันแรก ก่อนจะสามารถสร้างรถต้นแบบพร้อมรถรุ่นผลิตเพื่อการจำหน่ายอีก 2 คัน จนสำเร็จ และนำออกทดสอบเป็นครั้งแรกในปีเดียวกัน
รถมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ที่มาพร้อมด้วยรูปลักษณ์แบบเพรียวลมและนวัตกรรมขับเคลื่อนด้วยโซ่ ถูกนำออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรก
“Oscar Hedstrom” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าวิศวกรผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ทำการบันทึกสถิติรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก โดยสามารถทำความเร็วได้ถึง 56 ไมล์ / ชั่วโมง
ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) เปิดตัวสีใหม่ Crimson Steed of Steel (สีแดงสดแบบอินเดียน) ในสายการผลิตรถของบริษัท และในปีเดียวกันยังสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองสาขาความเป็นเลิศด้านเครื่องกลจากงาน St. Louis Exposition มาครองได้สำเร็จ
Indian (อินเดียน) เปิดตัวเครื่องยนต์ V-Twin รุ่นแรกในสายการผลิต หลังจากทำการพัฒนาและทดสอบนานหลายปี กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 100 ปี เครื่องยนต์แบบ V-Twin ก็ยังคงเป็นรูปแบบที่นิยมสำหรับการออกแบบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ Cruiser
สองนักบิด Indian (อินเดียน) George Holden และ Luis Mueller ทำสถิติใหม่ โดยใช้เวลาเพียง 31 วัน ในการขี่รถมอเตอร์ไซค์จากซานดิเอโก้ถึงนิวยอร์กอย่างไร้อุปสรรคตลอดการเดินทาง ซึ่งเร็วกว่าสถิติเดิมที่เคยบันทึกไว้ถึง 18 วัน
Indian (อินเดียน) V-Twin สร้างสถิติชนะเลิศในการแข่งขันรายการ English 1000-Mile Reliability Trial ครั้งที่ 1 ส่งผลให้ชื่อ “อินเดียน” ได้รับความน่าเชื่อถือนับแต่นั้นมา
รถมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ได้รับเลือกให้เข้าประจำการในหน่วยตำรวจมอเตอร์ไซค์หน่วยแรกของกรมตำรวจนิวยอร์ก
เริ่มมีการวางถังน้ำมันรูปแบบใหม่ "Loop Frame" ให้กับรถมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) โดยการติดตั้งเข้ากับเฟรมแนวนอนด้านหน้าของตัวรถ ก่อนที่ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์รายอื่น ๆ จะยึดเป็นแบบอย่าง จนกลายเป็นสูตรสำเร็จในการออกแบบตำแหน่งถังน้ำมันของรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบันนี้
นักบิด Indian (อินเดียน) กวาดทุกสถิติความเร็วและระยะทางของอเมริกา และยังสามารถกวาด 3 อันดับแรกในการแข่งขันรายการ Isle of Man Mountain Course Race ครั้งที่ 1 มาครองได้เป็นผลสำเร็จอีกด้วย
Indian (อินเดียน) เริ่มใช้ระบบแขนแบบ Swingarm และระบบกันสะเทือนหลังแบบ Leaf-Spring กับรถมอเตอร์ไซค์ในสายการผลิตเป็นครั้งแรก
Indian (อินเดียน) มีพนักงานที่ทำงานในสายการผลิตกว่า 3,000 คน กับแนวประกอบชิ้นส่วนรถที่ยาวถึง 7 ไมล์ ในโรงงานอินเดียนที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งมีพื้นที่ถึง 1 ล้านตารางฟุต และในปีเดียวกันนี้ Indian (อินเดียน) ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ชุดไฟแสงสว่างและชุดสตาร์ทเครื่องยนต์ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าคันแรกของโลก ขณะที่นักบิดอินเดียนนาม Cannonball Baker สามารถสร้างสถิติความเร็วใหม่ในการขี่มอเตอร์ไซค์ Indian V-Twin ข้ามฝั่งประเทศได้สำเร็จอีกด้วย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กิจกรรมแข่งรถของ Indian (อินเดียน) ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว เนื่องจากบริษัทต้องจัดส่งรถสำหรับใช้ทางการทหารจำนวน 41,000 คัน ให้กับกองทัพสหรัฐฯ พร้อมกับการเปิดตัว “Powerplus” เครื่องยนต์ใหม่แบบ Side-Valve ขนาด 61 ลบ.นิ้ว ในปีเดียวกัน
รถแข่ง Indian (อินเดียน) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Powerplus ในแบบ Overhead Cam ที่มีถึง 4 วาล์วต่อสูบ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 120 ไมล์ / ชั่วโมง
ปีแห่งการครบรอบ 1 ทศวรรษของการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Indian ที่เริ่มต้นเริ่มต้นการปฏิวัติด้วย Indian Scout รุ่นปี 1920 ตามด้วย Indian Chief ที่ทำความเร็วได้ถึง 95 ไมล์ / ชั่วโมง, Indian Big Chief อันทรงพลัง, รถรุ่นเล็กอย่าง Indian Prince และ Indian Four ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ อันน่าตื่นตาตื่นใจ
เริ่มมีการใช้โครงสร้างแบบ Semi-Monocoque ในเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง และชุดเฟรม กับมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ในสายการผลิตเป็นครั้งแรก พร้อมกับการเปิดตัวรถใหม่ “Indian Scout” อย่างเป็นทางการ
Indian (อินเดียน) กลายเป็นบริษัทแรกในอเมริกาที่ใช้วัสดุอะลูมิเนียมในการทำชุดไพรเมรี่ ซึ่งไม่ทำให้น้ำมันเครื่องซึมออก (Leak Proof) โดยบริษัทยังคงเป็นผู้นำในการแข่งขันด้านการป้องกันน้ำมันเครื่องซึมออกจากฝาต่อมาอีก 10 ปี
Indian Chief ขนาด 61 ลบ.นิ้ว ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรก
มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทโดยการลบตัว “r” ออกจากคำว่า “motorcycle” จนกลายเป็น Indian Motocycle Company
Indian (อินเดียน) เปิดตัวรถใหม่ Big Chief V-Twin ขนาด 74 ลบ.นิ้ว
เปิดตัว Indian Ace รุ่น 4 สูบ
Indian (อินเดียน) 101 Scout กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ถูกเลือกในการแสดงมอเตอร์ไซค์ผาดโผน “Wall of Death” (มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง)
ในยุคที่ Art Deco เป็นที่นิยม มีการตกแต่งมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ให้สวยงามยิ่งขึ้นด้วยสีสันที่จัดจ้านของสี Deco มีการออกแบบสีรถแบบทูโทน รวมไปถึงการใช้เทคนิค Pinstriping และการติดป้ายโลโก้กับตัวถังเพื่อเพิ่มลวดลายให้กับตัวรถ
Indian (อินเดียน) เปิดตัว Indian Motoplane และ Pony Scout ซึ่งเป็นรถรุ่นเล็ก 2 โมเดลใหม่
Ed Kretz เจ้าของฉายา “Iron Man” ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ Indian Sport Scout วิ่งครบรอบสนามในการคว้าชัยรายการ Inaugural Daytona 200 ในปี 1937 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่บริษัทอินเดียนเปิดตัวมอเตอร์ไซค์คาร์บูเรเตอร์คู่รุ่นแรก
ในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้น Indian (อินเดียน) หันไปมุ่งเน้นการจัดเตรียมรถให้กับกระทรวงสงครามสหรัฐฯ (ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระทรวงกลาโหม) อีกครั้ง ควบคู่ไปกับการจัดเตรียมมอเตอร์ไซค์ Indian Chief พร้อม sidecar จำนวน 5,000 คัน ตามคำสั่งซื้อของรัฐบาลฝรั่งเศส
Indian (อินเดียน) บุกเบิกการใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบ "Plunger" (ต้นแบบโช้คในยุคปัจจุบัน) พร้อมกับการเปิดตัวเครื่องหมายการค้ารูปแบบใหม่อย่างบังโคลนแบบคลุมเต็มล้อ (หรือ Valences) ขณะที่มอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) ส่วนใหญ่ที่ถูกผลิตขึ้นในช่วงสงครามก็ยังคงเป็นรถที่ใช้ในทางการทหารและตำรวจ
Indian (อินเดียน) เริ่มผลิตมอเตอร์ไซค์ทางการทหารที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเพลาที่พัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น พร้อมด้วยระบบเกียร์ 4 สปีด
Indian (อินเดียน) ได้รับรางวัล Army-Navy Production Award (หรือ Army-Navy "E" Award) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบเป็นเกียรติให้กับบริษัทที่มีความสามารถในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อใช้ในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เป็นเลิศ
บริษัทถูกขายและถูกรวมเข้ากับ Torque Engineering Company ก่อนที่ส่วนการผลิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับ Atlas Corporation ขณะที่ฝ่ายกระจายสินค้ากลายเป็น The Indian Sales Corporation ในเวลาต่อมา
Johnny Spiegehof ชนะเลิศการแข่งขันในรายการ Daytona 200 ด้วยการขี่ Sport Scout
Floyd Emde ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ Indian 648 Scout สร้างสถิติคว้าชัยชนะในการแข่งขันรายการ Daytona 200 ซึ่งจัดขึ้นบนหาด/ถนนใหม่เป็นครั้งแรก
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อินเดียนพยายามต่อสู้ดิ้นรน เพื่อกลับเข้าสู่ตลาดที่ขายให้กับพลเรือนอีกครั้ง โดยการนำเอา Indian Chief ที่ตกรุ่นไปแล้ว กลับมาเปิดตัวใหม่ในเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 80 ลบ.นิ้ว อันทรงพลัง แต่ยอดขายก็ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง จนต้องยุติสายการผลิตลงในปี 1953
Herbert "Burt" Munro ขี่มอเตอร์ไซค์ 1920 Indian Scout ที่เขาลงทุนปรับแต่งใหม่ด้วยตนเอง สร้างสถิติความเร็วรุ่นความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,000 ซีซี ที่ Bonneville Salt Flats กระทั่ง 40 ปีผ่านไป ก็ยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของเขาลงได้
ความซับซ้อนของสิทธิในเครื่องหมายการค้า ขัดขวางความพยายามที่จะฟื้นฟูแบรนด์ Indian (อินเดียน) หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งบริษัทคู่แข่งทั้งหลายก่อนนี้ ได้รวมตัวกันและกลายเป็น Indian Motorcycle Company ในเวลาต่อมา
Indian Motorcycle Company เริ่มเปิดสายการผลิตมอเตอร์ไซค์ Indian (อินเดียน) อีกครั้ง แต่การดำเนินงานยังไม่ประสบความสำเร็จ
ปีของการผลิตรถโมเดลสุดท้ายของ Indian Motorcycle Company ในยุคนี้
หลังการพยายามดิ้นรนเพื่อฟื้นฟู Chris-Craft Boat Company สุดท้าย Stephen Julius และ Steve Heese ก็หันความสนใจมาที่ Indian (อินเดียน) จนกระทั่งพวกเขาได้ครอบครองสิทธิเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาของ Indian (อินเดียน) ในที่สุด
Indian (อินเดียน) เปิดสายการผลิตมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง โดยเริ่มจากสายการประกอบ Indian Chief รุ่นปี 2009 ที่ Kings Mountain ในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า
Polaris ได้เพิ่ม Indian (อินเดียน) ซึ่งแบรนด์มอเตอร์ไซค์ระดับตำนานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีเสถียรภาพมั่นคงอยู่แล้วจากรถมอเตอร์ไซค์ Victory Cruiser และ Touring ทั้งนี้ Indian (อินเดียน) จะดำเนินงานอย่างเป็นเอกเทศ โดยจะผลิตรถขึ้นภายใต้ความเฉียบแหลมทางวิศวกรรมและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ Polaris ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นแบรนด์ระดับสูงและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงความภาคภูมิใจในความร่ำรวยของมรดกทางวัฒนธรรมของอเมริกา
ปีสุดท้ายของการผลิต Indian Chief โดยสายการผลิตใน Kings Mountain
Indian Motorcycle ยุคใหม่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ประเดิมด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ "Indian Thunder Stroke 111" Daytona Bike Week เมื่อเดือนมีนาคม และการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ Indian Chief ในสายการผลิตปี 2014 ที่งาน Sturgis Motorcycle Rally เมื่อเดือนสิงหาคม
อินเดียน มอเตอร์ไซเคิล (ประเทศไทย)
2/10 ซอย พัฒนาการ 63
แขวงประเวศ เขตประเวศ
กรุงเทพฯ 10250
โทรศัพท์ +66 2-321-3288
โทรศัพท์ +66 2320 0033
อีเมล: indianmotorcyclethailand@gmail.com
Indian Motorcycle (Thailand)
2/10 Soi Pattanakarn 63,
Pravet, Bangkok
10250 Thailand
Tel : +66 2-321-3288
Tel : +66 2320 0033
Email: indianmotorcyclethailand@gmail.com